หลิว มนัสวี เผยชีวิตเปลี่ยนไปหลังจากมีลูก เลิกช็อบปิ้งใช้เงินประหยัดมากขึ้น เตรียมวางแผนหาโรงเรียนให้ลูก หวั่นลูกติดวัตถุนิยม อาจให้เข้าโรงเรียนโลว์เทคที่สอนทำนา ห้ามดูทีวี ห้ามใช้มือถือ หรืออาจจะให้เรียนโรงเรียนนานาชาติเพื่อให้ได้ภาษา
พอกลายเป็นคุณแม่ชีวิตของ “หลิว มนัสวี กฤตตานุกูล” ก็เปลี่ยนไปทันที จากที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยชอบช็อบปิ้งก็ลดน้อยลง จะซื้อเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น ล่าสุดถึงแม้ลูกจะอายุแค่ 1 ปีแต่หลิวก็เริ่มมองหาโรงเรียนให้ลูกเรียนแล้ว หวั่นลูกจะวัตถุนิยมก็เลยอยากให้เรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จะสอนให้เด็กทำนาปลูกข้าว ห้ามดูทีวี ห้ามใช้มือถือ แต่อีกใจก็อยากให้เรียนโรงเรียนนานาชาติ
“ทุกวันนี้แฮปปี้ค่ะ ดีที่มีพ่อแม่หลิวอีกแรงที่ช่วยเลี้ยงเวลาที่หลิวออกไปทำงานต่างจังหวัด เรื่องงานก็มีเข้ามาเรื่อยๆแต่หลิวจะเน้นไปทำงานเบื้องหลังมากกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายอะไรไม่มีปัญหาค่ะ พออยู่ได้ แต่พอเริ่มมีน้องหลิวก็เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเยอะคะ ตอนนี้จะทำอะไรก็คิดถึงลูกก่อนทุกเม็ด เงินทุกบาททุกสตางค์คืออนาคตของเขา เราจะฟุ่มเฟือยหรืออยากได้ในสิ่งที่เราต้องการทุกอย่างมันต้องต่ำลง”
“แล้วมันเป็นการต่ำลงโดยที่เราไม่ได้ไปบังคับตัวเอง มันเป็นต่ำลงโดยการที่เรามีสติขึ้นมาเองโดยที่เราไม่ได้บังคับตัวเองเลยว่าจะต้องห้ามตัวเองช็อปปิ้ง ทุกอย่างมันคิดได้ขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ เรียกว่าเราเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนคนละเรื่องเลย ตอนนี้น้อยมากที่จะเห็นหลิวช็อปปิ้งนอกเสียจากจำเป็นจริงๆ เพราะเสื้อผ้าหลิวเยอะมาก ของหลิวเยอะอยู่แล้วถ้าอยากได้คือมันต้องเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้อย่างนั้นมากกว่าจึงจะซื้อ”
คิดหนักวางแผนโรงเรียนที่เหมาะสมกับลูก กลัวลูกถูกกลืนกับสังคมวัตถุนิยม “ตอนนี้ก็คิดๆ ถึงเรื่องของโรงเรียนเขาไว้แล้ว ก็สนใจอยู่โรงงเรียนหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนที่เราจะต้องรับมันให้ได้จริงๆว่าลูกเราจะไม่มีเทคโนโลยี เป็นโรงเรียนที่สุดยอดมาก มีสอนทำนา ปลูกข้าว ไม่ให้สนใจเรื่องของเทคโนโลยี ไม่ให้ใช้มือถือ ดูโทรทัศน์ ไม่ให้ฟังวิทยุ เจ๋งมากเลยนะ”
“หลิวมองว่าสังคมเด็กสมัยนี้น่ากลัว ขนาดแค่เด็กอนุบาลยังพูดฉันจะต้องมือไอแพด มีไอโฟน 4 คิดดูเดี๋ยวนี้เด็กอายุ 4 ขวบมีไอแพดไว้เพื่อเล่นเกมส์ หลิวเห็นลูกเพื่อนนั่งระบายสีในไอแพดถามหน่อยค่ะว่ามันได้อะไร หลิวว่ามันแค่ระบายลงไปมันไม่เหมือนกับการใช้ดินสอวาดลงบนแผ่นกระดาษ ความรู้สึก การสัมผัสมันก็ต่างกันแล้ว หลิวก็คิดว่าต่อไปลูกเราจะทำยังไงดีกับลูกเราไม่ให้อยู่ในสังคมวัตถุนิยมขนาดนั้น”
“หรืออีกทางก็คือก็อยากให้เรียนเป็นโรงเรียน 2 ภาษา คนรอบข้างหลิวเขาก็จะพูดต่างชาติกับลูกหลิวอยู่แล้ว ก็เลยนั่งคิดจะเอาไงดี ส่วนพ่อแม่หลิวเองเขาก็อยากให้ส่งไปเรียนที่นานาชาติเชียงใหม่ แต่หลิวก็ไม่อยากไงเรื่องอะไรจะให้ลูกห่างจากอกเรา หลิวทำใจไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยไม่รู้จะเอายังไง แต่ลูกหลิวอายุแค่ขวบเดียว อีกตั้ง 2 ปี แต่หลิวต้องคิดตลอดแหละ ยังไงเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา
ข่าวจาก:ผู้จัดการ
หลิว มนัสวี เผยชีวิตเปลี่ยนไปหลังจากมีลูก เลิกช็อบปิ้งใช้เงินประหยัดมากขึ้น เตรียมวางแผนหาโรงเรียนให้ลูก หวั่นลูกติดวัตถุนิยม อาจให้เข้าโรงเรียนโลว์เทคที่สอนทำนา ห้ามดูทีวี ห้ามใช้มือถือ หรืออาจจะให้เรียนโรงเรียนนานาชาติเพื่อให้ได้ภาษา
พอกลายเป็นคุณแม่ชีวิตของ “หลิว มนัสวี กฤตตานุกูล” ก็เปลี่ยนไปทันที จากที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยชอบช็อบปิ้งก็ลดน้อยลง จะซื้อเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น ล่าสุดถึงแม้ลูกจะอายุแค่ 1 ปีแต่หลิวก็เริ่มมองหาโรงเรียนให้ลูกเรียนแล้ว หวั่นลูกจะวัตถุนิยมก็เลยอยากให้เรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จะสอนให้เด็กทำนาปลูกข้าว ห้ามดูทีวี ห้ามใช้มือถือ แต่อีกใจก็อยากให้เรียนโรงเรียนนานาชาติ
“ทุกวันนี้แฮปปี้ค่ะ ดีที่มีพ่อแม่หลิวอีกแรงที่ช่วยเลี้ยงเวลาที่หลิวออกไปทำงานต่างจังหวัด เรื่องงานก็มีเข้ามาเรื่อยๆแต่หลิวจะเน้นไปทำงานเบื้องหลังมากกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายอะไรไม่มีปัญหาค่ะ พออยู่ได้ แต่พอเริ่มมีน้องหลิวก็เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเยอะคะ ตอนนี้จะทำอะไรก็คิดถึงลูกก่อนทุกเม็ด เงินทุกบาททุกสตางค์คืออนาคตของเขา เราจะฟุ่มเฟือยหรืออยากได้ในสิ่งที่เราต้องการทุกอย่างมันต้องต่ำลง”
“แล้วมันเป็นการต่ำลงโดยที่เราไม่ได้ไปบังคับตัวเอง มันเป็นต่ำลงโดยการที่เรามีสติขึ้นมาเองโดยที่เราไม่ได้บังคับตัวเองเลยว่าจะต้องห้ามตัวเองช็อปปิ้ง ทุกอย่างมันคิดได้ขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ เรียกว่าเราเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนคนละเรื่องเลย ตอนนี้น้อยมากที่จะเห็นหลิวช็อปปิ้งนอกเสียจากจำเป็นจริงๆ เพราะเสื้อผ้าหลิวเยอะมาก ของหลิวเยอะอยู่แล้วถ้าอยากได้คือมันต้องเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้อย่างนั้นมากกว่าจึงจะซื้อ”
คิดหนักวางแผนโรงเรียนที่เหมาะสมกับลูก กลัวลูกถูกกลืนกับสังคมวัตถุนิยม “ตอนนี้ก็คิดๆ ถึงเรื่องของโรงเรียนเขาไว้แล้ว ก็สนใจอยู่โรงงเรียนหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนที่เราจะต้องรับมันให้ได้จริงๆว่าลูกเราจะไม่มีเทคโนโลยี เป็นโรงเรียนที่สุดยอดมาก มีสอนทำนา ปลูกข้าว ไม่ให้สนใจเรื่องของเทคโนโลยี ไม่ให้ใช้มือถือ ดูโทรทัศน์ ไม่ให้ฟังวิทยุ เจ๋งมากเลยนะ”
“หลิวมองว่าสังคมเด็กสมัยนี้น่ากลัว ขนาดแค่เด็กอนุบาลยังพูดฉันจะต้องมือไอแพด มีไอโฟน 4 คิดดูเดี๋ยวนี้เด็กอายุ 4 ขวบมีไอแพดไว้เพื่อเล่นเกมส์ หลิวเห็นลูกเพื่อนนั่งระบายสีในไอแพดถามหน่อยค่ะว่ามันได้อะไร หลิวว่ามันแค่ระบายลงไปมันไม่เหมือนกับการใช้ดินสอวาดลงบนแผ่นกระดาษ ความรู้สึก การสัมผัสมันก็ต่างกันแล้ว หลิวก็คิดว่าต่อไปลูกเราจะทำยังไงดีกับลูกเราไม่ให้อยู่ในสังคมวัตถุนิยมขนาดนั้น”
“หรืออีกทางก็คือก็อยากให้เรียนเป็นโรงเรียน 2 ภาษา คนรอบข้างหลิวเขาก็จะพูดต่างชาติกับลูกหลิวอยู่แล้ว ก็เลยนั่งคิดจะเอาไงดี ส่วนพ่อแม่หลิวเองเขาก็อยากให้ส่งไปเรียนที่นานาชาติเชียงใหม่ แต่หลิวก็ไม่อยากไงเรื่องอะไรจะให้ลูกห่างจากอกเรา หลิวทำใจไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยไม่รู้จะเอายังไง แต่ลูกหลิวอายุแค่ขวบเดียว อีกตั้ง 2 ปี แต่หลิวต้องคิดตลอดแหละ ยังไงเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา
ข่าวจาก:ผู้จัดการ
No comments:
Post a Comment