หลายคนบอกว่า…หากอยู่ด้วยความรัก ไม่จำเป็นต้องใช้ความอดทน เพราะเมื่อมีคำว่า “ทน” ดูเหมือนความรักกำลังเดินทางไปยังจุดสิ้นสุด และมักจะมีคำว่า “หมดความอดทน” ตามมาในวันใดวันหนึ่ง
แต่ในความเป็นจริงของชีวิตคู่ หลีกเลี่ยงคำว่า “อดทน” ไม่พ้นจริง ๆ ไม่มีใครใช้ชีวิตอยู่กับใครได้อย่างพอดี โดยไม่มีความขัดแย้ง เราต่างต้องเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคนอีกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินชีวิตที่ต่างก็พก Life Style ของตัวเองมาด้วย มันก็เลยต้องเจอเรื่องที่ต้อง ยอม ทน เถียง ทะเลาะ แล้วเมื่อความอดทนเดินทางมาถึงปลายทาง สิ้นสุดเสียงทะเลาะ เริ่มต้นที่คำว่า “เลิก”
ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัดไม่เหมือนกัน คนใจเย็นมักอดทนได้นาน…คนใจร้อนมักทะเลาะกันบ่อย แต่ก็บอกไม่ได้เช่นกันว่าคนประเภทไหนเลิกก่อนกัน เพราะคนที่หมดความอดทนมักไม่รู้ตัวล่วงหน้า มารู้อีกทีว่าทนไม่ไหวแล้ว…ก็เมื่อถึงวันนั้นแล้ว…ก่อนจะถึงวันนั้น วันนี้เราจะทำอย่างไร?
วิธีแก้ง่าย ๆ ที่อยากให้ลองทำดูมีดังต่อไปนี้…
หลังความอดทนควรมีการพูดจา
แจ้งให้อีกฝ่ายทราบในสิ่งที่เรากำลังทนอยู่ ร่วมกันแก้ไข ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน คนหนึ่งอาจต้องปรับความคิด อีกคนหนึ่งอาจต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ความรักจะทำให้เราใส่ใจ ดูแลกันและกัน อย่าปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมู เพราะหากความอดทนมีมากเรื่องเข้า มันก็ยากที่จะเปลี่ยนและเกินที่จะทนอีกต่อไป
คอยสังเกตว่าการกระทำใดที่อีกฝ่ายไม่ชอบ
บางคนเก็บความไม่พอใจไว้โดยไม่ยอมพูด เพียงเพราะกลัวความรักจากไป แต่กลับไม่ใช้วิธีรักษาความรัก ซึ่งความรักต้องเอื้ออาทรกันและกัน ความไม่พอใจของคนรักมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พูดจาแก้ไข อย่าปล่อยให้เป็นเหตุการณ์ซ้ำซาก
ทุกครั้งที่กำลังตัดสินใจว่า “ทน” หรือ “เลิก”
ลองสงบสติอารมณ์ หยิบปากกา กระดาษ จดสิ่งดี ๆ ที่เขาทำให้กับเราลงไป ภาพความประทับใจ ความทรงจำดี ๆ ที่มีร่วมกัน หากยิ่งเขียนยิ่งมัน ความรื่นรมย์จะค่อย ๆ โผล่เข้ามาแทนที่ความสับสน แล้วเธอก็จะได้คำตอบ แต่หากคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก มันนานมากแล้วที่เคยรู้สึกอย่างนั้น แทบจำความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เราคงไม่ต้องดูแลรักาความรักอีกต่อไปแล้วล่ะ เพราะวันที่เราคิดได้…มันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
อย่าทุกข์กับการจากไปของความรัก หากเราดูแลมันอย่างดีที่สุดแล้วในช่วงเวลาที่มีอยู่ ความรักที่ดีงามก็ไม่ได้หายไปไหน หรือหายไปกับใครเลบ มันยังอยู่กับตัวเราตลอดเวลา…และพร้อมที่จะแบ่งปันให้ใครได้อีกมากมาย!
หลายคนบอกว่า…หากอยู่ด้วยความรัก ไม่จำเป็นต้องใช้ความอดทน เพราะเมื่อมีคำว่า “ทน” ดูเหมือนความรักกำลังเดินทางไปยังจุดสิ้นสุด และมักจะมีคำว่า “หมดความอดทน” ตามมาในวันใดวันหนึ่ง
แต่ในความเป็นจริงของชีวิตคู่ หลีกเลี่ยงคำว่า “อดทน” ไม่พ้นจริง ๆ ไม่มีใครใช้ชีวิตอยู่กับใครได้อย่างพอดี โดยไม่มีความขัดแย้ง เราต่างต้องเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคนอีกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินชีวิตที่ต่างก็พก Life Style ของตัวเองมาด้วย มันก็เลยต้องเจอเรื่องที่ต้อง ยอม ทน เถียง ทะเลาะ แล้วเมื่อความอดทนเดินทางมาถึงปลายทาง สิ้นสุดเสียงทะเลาะ เริ่มต้นที่คำว่า “เลิก”
ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัดไม่เหมือนกัน คนใจเย็นมักอดทนได้นาน…คนใจร้อนมักทะเลาะกันบ่อย แต่ก็บอกไม่ได้เช่นกันว่าคนประเภทไหนเลิกก่อนกัน เพราะคนที่หมดความอดทนมักไม่รู้ตัวล่วงหน้า มารู้อีกทีว่าทนไม่ไหวแล้ว…ก็เมื่อถึงวันนั้นแล้ว…ก่อนจะถึงวันนั้น วันนี้เราจะทำอย่างไร?
วิธีแก้ง่าย ๆ ที่อยากให้ลองทำดูมีดังต่อไปนี้…
หลังความอดทนควรมีการพูดจา
แจ้งให้อีกฝ่ายทราบในสิ่งที่เรากำลังทนอยู่ ร่วมกันแก้ไข ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน คนหนึ่งอาจต้องปรับความคิด อีกคนหนึ่งอาจต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ความรักจะทำให้เราใส่ใจ ดูแลกันและกัน อย่าปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมู เพราะหากความอดทนมีมากเรื่องเข้า มันก็ยากที่จะเปลี่ยนและเกินที่จะทนอีกต่อไป
คอยสังเกตว่าการกระทำใดที่อีกฝ่ายไม่ชอบ
บางคนเก็บความไม่พอใจไว้โดยไม่ยอมพูด เพียงเพราะกลัวความรักจากไป แต่กลับไม่ใช้วิธีรักษาความรัก ซึ่งความรักต้องเอื้ออาทรกันและกัน ความไม่พอใจของคนรักมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พูดจาแก้ไข อย่าปล่อยให้เป็นเหตุการณ์ซ้ำซาก
ทุกครั้งที่กำลังตัดสินใจว่า “ทน” หรือ “เลิก”
ลองสงบสติอารมณ์ หยิบปากกา กระดาษ จดสิ่งดี ๆ ที่เขาทำให้กับเราลงไป ภาพความประทับใจ ความทรงจำดี ๆ ที่มีร่วมกัน หากยิ่งเขียนยิ่งมัน ความรื่นรมย์จะค่อย ๆ โผล่เข้ามาแทนที่ความสับสน แล้วเธอก็จะได้คำตอบ แต่หากคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก มันนานมากแล้วที่เคยรู้สึกอย่างนั้น แทบจำความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เราคงไม่ต้องดูแลรักาความรักอีกต่อไปแล้วล่ะ เพราะวันที่เราคิดได้…มันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
อย่าทุกข์กับการจากไปของความรัก หากเราดูแลมันอย่างดีที่สุดแล้วในช่วงเวลาที่มีอยู่ ความรักที่ดีงามก็ไม่ได้หายไปไหน หรือหายไปกับใครเลบ มันยังอยู่กับตัวเราตลอดเวลา…และพร้อมที่จะแบ่งปันให้ใครได้อีกมากมาย!
No comments:
Post a Comment