เคยโด่งดังเมื่อ 15 ปีก่อน สำหรับละครเรื่อง “ดอกแก้ว” ผลงานประพันธ์ของ “ส.อาสนจินดา” บรมครูทางด้านการแสดง
มาวันนี้ บริษัท พอดีคำ จำกัด ของผู้จัดเลือดอีสาน “ธงชัย ประสงค์สันติ” ได้รับมอบจาก 7 สีให้ผลิตเป็นละครอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนำแสดงโดย “ใหม่”ดาวิกา โฮร์เน่ ในบท “ดอกแก้ว” ประชันบทบาทกับ “วิน”ธาวิน เยาวพลกุล ที่รับบท”ราชันย์” ร่วมด้วย “กระติ๊บ”ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล รับบท “ชไมพร”, “ซัน”พิชยดนย์ พึ่งพันธ์ รับบท “ไม้” และดารามากฝีมืออีกคับคั่ง ผลงานการกำกับฯ ของ “หน่อย”สยาม น่วมเศรษฐี
ทั้งนี้ “หน่อย-สยาม” เผยถึง “ดอกแก้ว” ในยุค 2011 ที่เขาตั้งใจทำว่า “ในเวอร์ชั่นนี้เราอยากทำ ให้คลาสสิคประทับใจ เหมือนกับบทประพันธ์ของป๋า ส.อาสนจินดา และอีกส่วนหนึ่งอยากปรับให้คนดูปัจจุบันสนุกไปด้วยได้ โดยการเล่าเรื่องเร็ว การตัดต่อเร็ว”
โดยเนื้อหาละครผู้กำกับฯ เล่าว่า “เป็นเรื่องของนางเอกคือ “ดอกแก้ว” ลูก “เจ้าพระยาวงษานุวัติ” ซึ่งเกิดกับ “กิ่ง” สาวชาวป่า เจ้า พระยาได้ใส่พินัยกรรมไว้ในปืนด้ามทองที่ให้ไว้กับกิ่งก่อนตาย นาง เอกคิดว่าพ่อให้ปืนไว้เพื่อเอาไปแก้แค้นคนที่ฆ่าพ่อ นางเอกหนีแม่เข้ากรุงเทพฯ เพื่อแก้แค้นเลยมาเจอพระเอกคือ “ราชันย์” จึงเกิดเรื่องราวความรักขึ้น ละครเรื่องนี้ครบรสที่คนไทยอยากดูเพราะมีหลายอย่างรวมกัน ทั้งเรื่องราวความรัก ความอิจฉาริษยา ฉากแอ๊กชั่น ดราม่า”
ถามถึงโลเกชั่นที่ถ่ายทำเป็นที่ไหนบ้าง ผู้กำ กับฯ หนุ่มเผยว่า “ฉากที่เป็นป่า เราก็ให้เป็นป่าที่ดู ลึกและเหมือนป่าจริงๆ เราผสมหลายๆ ป่าเข้าไป มีทั้งที่สระบุรี น้ำตกที่นครนายก หรือน้ำตก เจ็ดสาวน้อย เอามารวมกัน มีอยู่ที่ หนึ่งป่าสระบุรี บรรยากาศเหมือนกับกุ้ยหลินเมืองจีน เราก็เอามาเป็นฉากของขบวนเกวียน เราค่อนข้างใส่ใจในเรื่อง โลเกชั่น”
ต่อข้อถามว่าในเรื่องนี้จะเน้นด้านไหนเป็นพิเศษ ผู้กำกับฯคนเดิมตอบว่า “ผมให้ความสำคัญกับทุกจุด แต่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคืออยากให้คนดูตกหลุมรักพระเอกนางเอกให้ได้ พระ เอกนางเอกเจอกันปุ๊บ ก็อยากให้คนดูรักตัวตนของสอง คนนี้ให้ได้ สิ่งที่ผมใส่ใจเป็นพิเศษคือเรื่องความรักของพระเอกนางเอก และเรื่องความขัดแย้งของสองคนนี้ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ใส่ใจในเรื่องรายละเอียดอื่นๆ แต่ที่ใส่ใจ เรื่องรายละเอียดความรักของตัวละคร เพราะผมไม่ค่อยถนัดด้านนี้ ผมเคยทำแต่ละครบู๊มาก่อน ผมก็เลยจะระวัง”
และเพราะเป็นละครเก่ามาทำใหม่ แน่นอนว่าย่อมมีการเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเก่า ซึ่งผู้กำกับฯ เองก็ยอมรับว่ากลัวการเปรียบเทียบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาถือว่าได้พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว
“เวอร์ชั่นเก่าผมเคยเปิดดูในยูทูบ เปิดดูผ่านๆ แต่ก็ไปหามาดูเหมือนกัน เขาเปิดเรื่องได้เร็วสนุกครับ” หน่อยกล่าว และเผยอีกว่า “ถามว่าเวอร์ชั่นใหม่จะเหมือนกับเวอร์ชั่นเก่ามั้ย ผมว่ามันเป็นคนละยุคสมัยของการทำงาน และยุคสมัยของคนดูว่าเราต้องเล่าเรื่องแบบไหน คนดูในยุคนั้นเขาชอบแบบนั้น ผมดูแล้วยังสนุก เร็วด้วย ยังคิดเลยว่าเราต้องทำเร็วแบบเขาหรือเปล่า หรือจะดึงให้มันคลาสสิคนิดหนึ่ง หรือจะคลาสสิคด้วยเร็วด้วย ยังไงดีพยายามผสมให้ลงตัวกันให้ได้ แต่ตอนนี้ยังถ่ายไม่เสร็จเลยครับ ได้ประมาณ 70% แล้ว ดีใจที่ช่องเขาไว้ใจให้เราออนแอร์เลย”
เพราะเคยทำแต่ละครบู๊ พอผันมาทำละครรัก ผู้กำกับฯ หนุ่มจึงต้องมีการปรับตัวเองให้มาเป็นโหมดความรัก และพยายามทำให้เรื่องความรักเข้าถึงคนดู
สำหรับแก่นของ เรื่องนี้ ถามว่าอยากนำเสนออะไร ได้รับคำตอบว่า “เรื่องนี้จริงๆ แล้วเราเน้นเรื่องความรักและเรื่องดราม่าความ ขัดแย้งของตัวละคร ซึ่งเราอยากแสดงให้เห็นความรักของพระเอกนางเอก และเรื่องความขัดแย้งปมที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจผิด ประเด็นหลักคือนางเอกต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวเองเป็นลูกเจ้าพระยา ตอนแรกเขาต้องการมาแก้แค้น แต่สุดท้ายกลายเป็นความรักครับ”
ติดตามชมละครคลาสสิค “ดอกแก้ว” ได้ทุกวันจันทร์-อังคาร ทางช่อง 7 เวลาหลังข่าว
หรืออยากจะรู้เรื่องราวล่วงหน้า ก็หาเปิดอ่านได้ในหน้านิยายข่าวสดจ้า
หลงรัก”ไม้”
นอกจากตัวนางเอกพระเอก “ดอกแก้ว” และ “ราชันย์” ที่มีบทบาทในละครเรื่อง “ดอกแก้ว” แล้ว บทรองอย่าง “ไม้” และ “ชไมพร” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะบท “ไม้” ที่เคยโด่งดังเมื่อ 15 ปีก่อนนั้น ผู้กำกับฯ บอกว่า ถ้าคนดูดูตัวละครนี้ไม่รักก็แย่มากแล้ว
“บทของ “ไม้” กับบทนี้ซันเป็นคนเล่น ผมต้องให้เขาไปฟิตร่างกาย กล้ามเนื้อ ผมบอกซันว่าถ้าคนดูดูตัวละคร นี้ไม่รัก มันแย่มากนะ เพราะมัน เป็นบทที่คนดูต้องรักให้ได้ ทั้งรักทั้งสงสาร”
ส่วนบท “ชไมพร” ที่เล่นโดย “กระติ๊บ-ชวัลกร” ผู้กำกับฯ กล่าวว่า “ชไมพรเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดทางลบ ตอนแรกกระติ๊บ กลัวว่าจะเล่นร้ายเกินไป ผมก็บอกเขาไปว่าเราเล่นร้าย ทุกคนมีมุมตัวเอง แต่เราต้องเชื่อว่าเราอยู่ในมุมนั้น อย่าคิดว่าเราเป็นตัวร้าย ให้คิดว่าเราร้ายเพราะอะไร ให้เดินทางไปให้สุด สุดท้ายแล้วคนดูเขาจะรู้ว่าเราเป็นคนดีประมาณนี้ครับ”
ถามถึงตัวพระเอกนางเอกว่าทำไมถึงเลือก “วิน-ธาวิน” กับ “ใหม่-ดาวิกา” ได้คำตอบว่า “ใหม่เป็นนางเอกใหม่ มาเล่น วันนี้คนดูน่าจะเชื่อ เพราะคนดูยังไม่ได้ประทับใจว่าเขาเป็นคนโน้นคนนี้มา ส่วนวินตรงคาแร็กเตอร์พระเอก เขาดูเป็นคุณชาย บางทีเขากุ๊กกิ๊กได้มีเสน่ห์”
“ทั้งคู่ทำการบ้านมาหนักมาก แต่โดยรวมน้องเขาเก่งครับ” ผู้กำกับฯ ชม
พิถีพิถัน
ขึ้นชื่อว่าเป็นค่ายละครที่จัดแสงจัดฉากและออกแบบเสื้อผ้าออกมาได้สวยงาม พอมาทำละครเรื่อง “ดอกแก้ว” หลายคนจึงคาดหวัง ซึ่งเรื่องนี้ “หน่อย”สยาม น่วมเศรษฐี ผู้กำกับฯ เผยว่า
“เรื่องชุดเรื่องแสงฉากของละคร เราพิถีพิถันกับมันตลอดอยู่แล้ว แต่บางทีการทำละครที่พิถีพิถันกับเสื้อผ้า โลเกชั่น ลงทุนกับแสง บางทีก็ไม่ได้ตอบโจทย์คนดูที่ต้องการจะดูอะไรที่สนุก บางทีเราดูแล้วโลเกชั่นดี แต่ละครดูแล้วอืดไม่น่าสนใจ ผมว่าตรงนี้น่ากลัว กว่า ผมจะทำให้คนดูสนุก กับละครให้ได้ และคุณภาพของเราต้องให้ยังคงอยู่ให้ได้ด้วย”
ถามว่าเสื้อผ้าของนักแสดงใครเด่นที่สุด หน่อยแง้ม “โดดเด่นกันทุกคนครับ ในความเป็นพีเรียดเขาจะมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน นางเอกในพาร์ตที่อยู่ในป่าแล้วเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ในบางวันเขาก็มีมุมใส่ชุดสวย เพราะพระเอกมารับไปเที่ยว ซึ่งเสื้อผ้าในเรื่องเป็นยุคสงครามโลกครั้งที่สองครับ”
การทำงานเท่าที่ผ่านมา ผู้กำกับฯบอก ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดี แต่สิ่งที่มีปัญหามากที่สุดกับตัวเองคือเรื่องเวลา
“เพราะเรามีเวลาในการทำงานน้อย แต่ต้องทำงานให้ออกมาดี ต้องบอกว่าเป็นปัญหาของผมคือผมเครียดเท่านั้นเอง” ผู้กำกับฯ หนุ่มสรุป
เคยโด่งดังเมื่อ 15 ปีก่อน สำหรับละครเรื่อง “ดอกแก้ว” ผลงานประพันธ์ของ “ส.อาสนจินดา” บรมครูทางด้านการแสดง
มาวันนี้ บริษัท พอดีคำ จำกัด ของผู้จัดเลือดอีสาน “ธงชัย ประสงค์สันติ” ได้รับมอบจาก 7 สีให้ผลิตเป็นละครอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนำแสดงโดย “ใหม่”ดาวิกา โฮร์เน่ ในบท “ดอกแก้ว” ประชันบทบาทกับ “วิน”ธาวิน เยาวพลกุล ที่รับบท”ราชันย์” ร่วมด้วย “กระติ๊บ”ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล รับบท “ชไมพร”, “ซัน”พิชยดนย์ พึ่งพันธ์ รับบท “ไม้” และดารามากฝีมืออีกคับคั่ง ผลงานการกำกับฯ ของ “หน่อย”สยาม น่วมเศรษฐี
ทั้งนี้ “หน่อย-สยาม” เผยถึง “ดอกแก้ว” ในยุค 2011 ที่เขาตั้งใจทำว่า “ในเวอร์ชั่นนี้เราอยากทำ ให้คลาสสิคประทับใจ เหมือนกับบทประพันธ์ของป๋า ส.อาสนจินดา และอีกส่วนหนึ่งอยากปรับให้คนดูปัจจุบันสนุกไปด้วยได้ โดยการเล่าเรื่องเร็ว การตัดต่อเร็ว”
โดยเนื้อหาละครผู้กำกับฯ เล่าว่า “เป็นเรื่องของนางเอกคือ “ดอกแก้ว” ลูก “เจ้าพระยาวงษานุวัติ” ซึ่งเกิดกับ “กิ่ง” สาวชาวป่า เจ้า พระยาได้ใส่พินัยกรรมไว้ในปืนด้ามทองที่ให้ไว้กับกิ่งก่อนตาย นาง เอกคิดว่าพ่อให้ปืนไว้เพื่อเอาไปแก้แค้นคนที่ฆ่าพ่อ นางเอกหนีแม่เข้ากรุงเทพฯ เพื่อแก้แค้นเลยมาเจอพระเอกคือ “ราชันย์” จึงเกิดเรื่องราวความรักขึ้น ละครเรื่องนี้ครบรสที่คนไทยอยากดูเพราะมีหลายอย่างรวมกัน ทั้งเรื่องราวความรัก ความอิจฉาริษยา ฉากแอ๊กชั่น ดราม่า”
ถามถึงโลเกชั่นที่ถ่ายทำเป็นที่ไหนบ้าง ผู้กำ กับฯ หนุ่มเผยว่า “ฉากที่เป็นป่า เราก็ให้เป็นป่าที่ดู ลึกและเหมือนป่าจริงๆ เราผสมหลายๆ ป่าเข้าไป มีทั้งที่สระบุรี น้ำตกที่นครนายก หรือน้ำตก เจ็ดสาวน้อย เอามารวมกัน มีอยู่ที่ หนึ่งป่าสระบุรี บรรยากาศเหมือนกับกุ้ยหลินเมืองจีน เราก็เอามาเป็นฉากของขบวนเกวียน เราค่อนข้างใส่ใจในเรื่อง โลเกชั่น”
ต่อข้อถามว่าในเรื่องนี้จะเน้นด้านไหนเป็นพิเศษ ผู้กำกับฯคนเดิมตอบว่า “ผมให้ความสำคัญกับทุกจุด แต่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคืออยากให้คนดูตกหลุมรักพระเอกนางเอกให้ได้ พระ เอกนางเอกเจอกันปุ๊บ ก็อยากให้คนดูรักตัวตนของสอง คนนี้ให้ได้ สิ่งที่ผมใส่ใจเป็นพิเศษคือเรื่องความรักของพระเอกนางเอก และเรื่องความขัดแย้งของสองคนนี้ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ใส่ใจในเรื่องรายละเอียดอื่นๆ แต่ที่ใส่ใจ เรื่องรายละเอียดความรักของตัวละคร เพราะผมไม่ค่อยถนัดด้านนี้ ผมเคยทำแต่ละครบู๊มาก่อน ผมก็เลยจะระวัง”
และเพราะเป็นละครเก่ามาทำใหม่ แน่นอนว่าย่อมมีการเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเก่า ซึ่งผู้กำกับฯ เองก็ยอมรับว่ากลัวการเปรียบเทียบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาถือว่าได้พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว
“เวอร์ชั่นเก่าผมเคยเปิดดูในยูทูบ เปิดดูผ่านๆ แต่ก็ไปหามาดูเหมือนกัน เขาเปิดเรื่องได้เร็วสนุกครับ” หน่อยกล่าว และเผยอีกว่า “ถามว่าเวอร์ชั่นใหม่จะเหมือนกับเวอร์ชั่นเก่ามั้ย ผมว่ามันเป็นคนละยุคสมัยของการทำงาน และยุคสมัยของคนดูว่าเราต้องเล่าเรื่องแบบไหน คนดูในยุคนั้นเขาชอบแบบนั้น ผมดูแล้วยังสนุก เร็วด้วย ยังคิดเลยว่าเราต้องทำเร็วแบบเขาหรือเปล่า หรือจะดึงให้มันคลาสสิคนิดหนึ่ง หรือจะคลาสสิคด้วยเร็วด้วย ยังไงดีพยายามผสมให้ลงตัวกันให้ได้ แต่ตอนนี้ยังถ่ายไม่เสร็จเลยครับ ได้ประมาณ 70% แล้ว ดีใจที่ช่องเขาไว้ใจให้เราออนแอร์เลย”
เพราะเคยทำแต่ละครบู๊ พอผันมาทำละครรัก ผู้กำกับฯ หนุ่มจึงต้องมีการปรับตัวเองให้มาเป็นโหมดความรัก และพยายามทำให้เรื่องความรักเข้าถึงคนดู
สำหรับแก่นของ เรื่องนี้ ถามว่าอยากนำเสนออะไร ได้รับคำตอบว่า “เรื่องนี้จริงๆ แล้วเราเน้นเรื่องความรักและเรื่องดราม่าความ ขัดแย้งของตัวละคร ซึ่งเราอยากแสดงให้เห็นความรักของพระเอกนางเอก และเรื่องความขัดแย้งปมที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจผิด ประเด็นหลักคือนางเอกต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวเองเป็นลูกเจ้าพระยา ตอนแรกเขาต้องการมาแก้แค้น แต่สุดท้ายกลายเป็นความรักครับ”
ติดตามชมละครคลาสสิค “ดอกแก้ว” ได้ทุกวันจันทร์-อังคาร ทางช่อง 7 เวลาหลังข่าว
หรืออยากจะรู้เรื่องราวล่วงหน้า ก็หาเปิดอ่านได้ในหน้านิยายข่าวสดจ้า
หลงรัก”ไม้”
นอกจากตัวนางเอกพระเอก “ดอกแก้ว” และ “ราชันย์” ที่มีบทบาทในละครเรื่อง “ดอกแก้ว” แล้ว บทรองอย่าง “ไม้” และ “ชไมพร” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะบท “ไม้” ที่เคยโด่งดังเมื่อ 15 ปีก่อนนั้น ผู้กำกับฯ บอกว่า ถ้าคนดูดูตัวละครนี้ไม่รักก็แย่มากแล้ว
“บทของ “ไม้” กับบทนี้ซันเป็นคนเล่น ผมต้องให้เขาไปฟิตร่างกาย กล้ามเนื้อ ผมบอกซันว่าถ้าคนดูดูตัวละคร นี้ไม่รัก มันแย่มากนะ เพราะมัน เป็นบทที่คนดูต้องรักให้ได้ ทั้งรักทั้งสงสาร”
ส่วนบท “ชไมพร” ที่เล่นโดย “กระติ๊บ-ชวัลกร” ผู้กำกับฯ กล่าวว่า “ชไมพรเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดทางลบ ตอนแรกกระติ๊บ กลัวว่าจะเล่นร้ายเกินไป ผมก็บอกเขาไปว่าเราเล่นร้าย ทุกคนมีมุมตัวเอง แต่เราต้องเชื่อว่าเราอยู่ในมุมนั้น อย่าคิดว่าเราเป็นตัวร้าย ให้คิดว่าเราร้ายเพราะอะไร ให้เดินทางไปให้สุด สุดท้ายแล้วคนดูเขาจะรู้ว่าเราเป็นคนดีประมาณนี้ครับ”
ถามถึงตัวพระเอกนางเอกว่าทำไมถึงเลือก “วิน-ธาวิน” กับ “ใหม่-ดาวิกา” ได้คำตอบว่า “ใหม่เป็นนางเอกใหม่ มาเล่น วันนี้คนดูน่าจะเชื่อ เพราะคนดูยังไม่ได้ประทับใจว่าเขาเป็นคนโน้นคนนี้มา ส่วนวินตรงคาแร็กเตอร์พระเอก เขาดูเป็นคุณชาย บางทีเขากุ๊กกิ๊กได้มีเสน่ห์”
“ทั้งคู่ทำการบ้านมาหนักมาก แต่โดยรวมน้องเขาเก่งครับ” ผู้กำกับฯ ชม
พิถีพิถัน
ขึ้นชื่อว่าเป็นค่ายละครที่จัดแสงจัดฉากและออกแบบเสื้อผ้าออกมาได้สวยงาม พอมาทำละครเรื่อง “ดอกแก้ว” หลายคนจึงคาดหวัง ซึ่งเรื่องนี้ “หน่อย”สยาม น่วมเศรษฐี ผู้กำกับฯ เผยว่า
“เรื่องชุดเรื่องแสงฉากของละคร เราพิถีพิถันกับมันตลอดอยู่แล้ว แต่บางทีการทำละครที่พิถีพิถันกับเสื้อผ้า โลเกชั่น ลงทุนกับแสง บางทีก็ไม่ได้ตอบโจทย์คนดูที่ต้องการจะดูอะไรที่สนุก บางทีเราดูแล้วโลเกชั่นดี แต่ละครดูแล้วอืดไม่น่าสนใจ ผมว่าตรงนี้น่ากลัว กว่า ผมจะทำให้คนดูสนุก กับละครให้ได้ และคุณภาพของเราต้องให้ยังคงอยู่ให้ได้ด้วย”
ถามว่าเสื้อผ้าของนักแสดงใครเด่นที่สุด หน่อยแง้ม “โดดเด่นกันทุกคนครับ ในความเป็นพีเรียดเขาจะมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน นางเอกในพาร์ตที่อยู่ในป่าแล้วเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ในบางวันเขาก็มีมุมใส่ชุดสวย เพราะพระเอกมารับไปเที่ยว ซึ่งเสื้อผ้าในเรื่องเป็นยุคสงครามโลกครั้งที่สองครับ”
การทำงานเท่าที่ผ่านมา ผู้กำกับฯบอก ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดี แต่สิ่งที่มีปัญหามากที่สุดกับตัวเองคือเรื่องเวลา
“เพราะเรามีเวลาในการทำงานน้อย แต่ต้องทำงานให้ออกมาดี ต้องบอกว่าเป็นปัญหาของผมคือผมเครียดเท่านั้นเอง” ผู้กำกับฯ หนุ่มสรุป
No comments:
Post a Comment