เมื่อเร็วๆ นี้มีเพื่อนคุณแม่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าได้ตัดสินใจเลือกชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้ว หลังจากได้พยายามที่จะประคับประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง และเห็นแก่ลูกน้อยที่อายุเพียง 3 ปี ทั้งที่ปัญหาเกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในท้องด้วยซ้ำไป
กว่าที่เธอจะตัดสินใจต้องใช้เวลาอยู่กับความทุกข์ทรมานใจ เพราะกังวลกับคำว่า “แม่เลี้ยงเดี่ยว” และต้องเผชิญชีวิตในการเลี้ยงลูกน้อยลำพัง เธอไม่แน่ใจว่าจะไหวหรือเปล่า ชีวิตของลูกในอนาคตจะเป็นอย่างไร แล้วเธอจะเผชิญกับอุปสรรคในชีวิตนับจากนี้ต่อไปแบบไหน
แน่นอนว่า ถ้าวันหนึ่งชีวิตคู่ไม่ว่าครอบครัวไหนต้องสะดุดลง ความทุกข์จะต้องถาโถมเข้ามามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่นั้นๆ มีลูกน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ทุกวี่วันเป็นเดิมพันชีวิต
สถานการณ์ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในบ้านเรามีแนวโน้มตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ ตัวเลขหย่าร้างเมื่อปี 2552 ในบ้านเรามีมากกว่า 2.5 ล้านครอบครัว สาเหตุอันดับหนึ่งเกิดจากการหย่าร้าง รองลงมาคู่สมรสถึงแก่กรรม ที่สำคัญส่วนใหญ่กลายเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่วัยรุ่นและวัยเรียน และต้องดูแลบุตรเฉลี่ย 1-2 คน
แน่นอนว่าด้วยสถานภาพของแม่เลี้ยงเดี่ยว ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตในทุกด้าน ระดับความเครียดที่สูงขึ้น สูญเสียความมั่นใจในชีวิต กังวลว่าตัวเองจะเลี้ยงลูกให้มีความสุขไม่ได้ ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายอีก ท้อแท้หมดหวังเหลือเกิน
แต่สุดท้ายเมื่อเราเลือกชีวิตที่จะเผชิญโดยไม่มีอีกฝ่ายหนึ่งแล้วล่ะก็ ชีวิตก็ต้องเดินหน้า ฉะนั้นจากนี้ไปจะอยู่อย่างไรต่างหากที่สำคัญกว่าจมอยู่กับความทุกข์
มีกำลังใจด้วย 8 ข้อคิดดีๆ มาฝากค่ะ
หนึ่ง ต้องบอกกับตัวเองว่าเมื่อตัดสินใจแล้วชีวิตต้องดำเนินต่อไป เพราะเราได้เลือกหนทางนี้แล้ว การสร้างพลังใจที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต่อให้กำลังใจจากคนรอบข้างมากมายขนาดไหน แต่พลังใจของตนเองสำคัญที่สุด ต้องเข้มแข็ง และยืนหยัดให้ได้ในเร็ววัน
สอง ต้องดำเนินชีวิตปกติกับลูก อย่าท้อแท้หรือหมดหวังต่อหน้าลูก เพราะจะทำให้ลูกสูญเสียความมั่นใจและมั่นคง ควรบอกความจริงกับลูก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับวัยของลูกด้วยว่าเขาจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าวัยเด็กเล็กก็บอกลูกสั้นๆ ง่ายๆ ว่าพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แม่จะเป็นทั้งแม่และพ่อด้วย เขาอาจจะถามถึงพ่อ แต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจเหตุผลได้ทั้งหมด ถ้าแม่ยังคงดำเนินชีวิตปกติ เขาก็สามารถปรับตัวได้
แต่ถ้าลูกโตพอจะเข้าใจเหตุผลได้แล้ว ก็อธิบายให้ลูกฟังได้ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ หรือเพราะเป็นเด็ก เขาโตพอที่จะรับรู้เรื่องราวและซึมซับอารมณ์ความรู้สึกของแม่ได้ การร้องไห้ให้ลูกเห็นไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ ตรงกันข้ามลูกจะได้เข้าใจด้วยว่าแม่เสียใจ แต่ก็พยายามที่จะยืนหยัดเผชิญปัญหา
สาม ต้องไม่ต่อว่าสามีหรือพ่อของลูก ไม่ว่าคุณจะรู้สึกไม่ดีอย่างไร อย่าใส่ความเกลียดชังของเราที่มีต่ออีกฝ่ายให้กับลูก เพราะลูกไม่ได้รับรู้เรื่องราวของพ่อแม่ อย่างไรเขาก็เป็นลูก อย่างไรพ่อลูกก็ต้องได้พบกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการสอนให้ลูกได้เรียนรู้พฤติกรรมของความรับผิดชอบต่อหน้าที่และบทบาทของความเป็นพ่อแม่ด้วย
สี่ ต้องไม่ลืมว่าอารมณ์และพฤติกรรมของแม่ส่งผลโดยตรงต่อลูก ฉะนั้นต้องปรับอารมณ์และพฤติกรรมของตนเองให้ได้ก่อน บางคราทุกข์ระทม บางคราเศร้า บางคราเครียด ก็ค่อยๆ คลี่คลายสถานการณ์ เพราะมีโอกาสอย่างมากที่อาจนำอารมณ์ที่ปะทุอยู่สาดลงไปที่ลูก
ห้า ต้องเชื่อว่าสามารถจัดการชีวิตด้วยตัวเองได้ แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคมากมาย แต่อย่าคิดว่าอยู่เพียงลำพัง ยังมีคนรอบข้างที่รักคุณมากมายพร้อมจะช่วยเหลือและเป็นกำลังใจที่ดีให้เสมอ รวมถึงลูกของคุณเองด้วย
หก ต้องคุยกับอดีตสามีหรือพ่อของลูกตรงไปตรงมาว่าจะวางแผนเรื่องลูกอย่างไร อย่าคิดว่าฉันเข้มแข็งฉันสามารถหาเลี้ยงลูกได้ เพราะเรื่องลูกเป็นเรื่องของทั้งพ่อและแม่ที่มีส่วนให้กำเนิดชีวิตเขา การให้ฝ่ายพ่อรับผิดชอบร่วมเป็นเรื่องที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แต่ที่ผ่านมาผู้หญิงบ้านเรามักจะไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะชอบบอกว่าลูกของฉันสามารถเลี้ยงดูได้ แต่แท้ที่จริงแล้วการที่ผู้หญิงคิดเช่นนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
เจ็ด ต้องพยายามหากิจกรรมร่วมกับลูกบ่อยครั้ง อาจจะชวนชวนญาติพี่น้องมาทำกิจกรรมร่วมกันด้วยก็ได้ ถ้าเป็นลูกชายก็อาจชวนญาติผู้ชายมาร่วมทำกิจกรรมเพื่อให้ลูกได้ซึมซับบทบาทของความเป็นผู้ชาย หรือถ้าพ่อต้องการมารับลูกไปทำกิจกรรม ก็ไม่ควรกีดกัน แต่ควรส่งเสริมให้ลูกได้มีโอกาสอยู่กับพ่อด้วย จะทำให้ลูกเข้าใจชีวิตมากขึ้น ที่สำคัญเข้าใจแม่ด้วย
แปด ต้องมีสังคม ปัจจุบันมีกลุ่มครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเกิดขึ้นมากมาย ที่พร้อมจะช่วยเหลือและรับฟังปัญหาซึ่งกันและกัน ที่สำคัญยังมีการแบ่งปันประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกระหว่างกันด้วย ซึ่งจะสร้างความมั่นใจมากขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ได้โดดเดี่ยว หรือเผชิญปัญหาแต่เพียงลำพัง
เชื่อเถอะค่ะ…ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ขอให้เชื่อในสัญชาตญาณความเป็นแม่ ความรักที่มีต่อลูกจะสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาทำอะไรได้ตั้งมากมาย อย่างที่ตัวคุณเองก็คาดไม่ถึง…!!!!
เมื่อเร็วๆ นี้มีเพื่อนคุณแม่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าได้ตัดสินใจเลือกชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้ว หลังจากได้พยายามที่จะประคับประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง และเห็นแก่ลูกน้อยที่อายุเพียง 3 ปี ทั้งที่ปัญหาเกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในท้องด้วยซ้ำไป
กว่าที่เธอจะตัดสินใจต้องใช้เวลาอยู่กับความทุกข์ทรมานใจ เพราะกังวลกับคำว่า “แม่เลี้ยงเดี่ยว” และต้องเผชิญชีวิตในการเลี้ยงลูกน้อยลำพัง เธอไม่แน่ใจว่าจะไหวหรือเปล่า ชีวิตของลูกในอนาคตจะเป็นอย่างไร แล้วเธอจะเผชิญกับอุปสรรคในชีวิตนับจากนี้ต่อไปแบบไหน
แน่นอนว่า ถ้าวันหนึ่งชีวิตคู่ไม่ว่าครอบครัวไหนต้องสะดุดลง ความทุกข์จะต้องถาโถมเข้ามามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่นั้นๆ มีลูกน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ทุกวี่วันเป็นเดิมพันชีวิต
สถานการณ์ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในบ้านเรามีแนวโน้มตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ ตัวเลขหย่าร้างเมื่อปี 2552 ในบ้านเรามีมากกว่า 2.5 ล้านครอบครัว สาเหตุอันดับหนึ่งเกิดจากการหย่าร้าง รองลงมาคู่สมรสถึงแก่กรรม ที่สำคัญส่วนใหญ่กลายเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่วัยรุ่นและวัยเรียน และต้องดูแลบุตรเฉลี่ย 1-2 คน
แน่นอนว่าด้วยสถานภาพของแม่เลี้ยงเดี่ยว ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตในทุกด้าน ระดับความเครียดที่สูงขึ้น สูญเสียความมั่นใจในชีวิต กังวลว่าตัวเองจะเลี้ยงลูกให้มีความสุขไม่ได้ ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายอีก ท้อแท้หมดหวังเหลือเกิน
แต่สุดท้ายเมื่อเราเลือกชีวิตที่จะเผชิญโดยไม่มีอีกฝ่ายหนึ่งแล้วล่ะก็ ชีวิตก็ต้องเดินหน้า ฉะนั้นจากนี้ไปจะอยู่อย่างไรต่างหากที่สำคัญกว่าจมอยู่กับความทุกข์
มีกำลังใจด้วย 8 ข้อคิดดีๆ มาฝากค่ะ
หนึ่ง ต้องบอกกับตัวเองว่าเมื่อตัดสินใจแล้วชีวิตต้องดำเนินต่อไป เพราะเราได้เลือกหนทางนี้แล้ว การสร้างพลังใจที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต่อให้กำลังใจจากคนรอบข้างมากมายขนาดไหน แต่พลังใจของตนเองสำคัญที่สุด ต้องเข้มแข็ง และยืนหยัดให้ได้ในเร็ววัน
สอง ต้องดำเนินชีวิตปกติกับลูก อย่าท้อแท้หรือหมดหวังต่อหน้าลูก เพราะจะทำให้ลูกสูญเสียความมั่นใจและมั่นคง ควรบอกความจริงกับลูก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับวัยของลูกด้วยว่าเขาจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าวัยเด็กเล็กก็บอกลูกสั้นๆ ง่ายๆ ว่าพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แม่จะเป็นทั้งแม่และพ่อด้วย เขาอาจจะถามถึงพ่อ แต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจเหตุผลได้ทั้งหมด ถ้าแม่ยังคงดำเนินชีวิตปกติ เขาก็สามารถปรับตัวได้
แต่ถ้าลูกโตพอจะเข้าใจเหตุผลได้แล้ว ก็อธิบายให้ลูกฟังได้ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ หรือเพราะเป็นเด็ก เขาโตพอที่จะรับรู้เรื่องราวและซึมซับอารมณ์ความรู้สึกของแม่ได้ การร้องไห้ให้ลูกเห็นไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ ตรงกันข้ามลูกจะได้เข้าใจด้วยว่าแม่เสียใจ แต่ก็พยายามที่จะยืนหยัดเผชิญปัญหา
สาม ต้องไม่ต่อว่าสามีหรือพ่อของลูก ไม่ว่าคุณจะรู้สึกไม่ดีอย่างไร อย่าใส่ความเกลียดชังของเราที่มีต่ออีกฝ่ายให้กับลูก เพราะลูกไม่ได้รับรู้เรื่องราวของพ่อแม่ อย่างไรเขาก็เป็นลูก อย่างไรพ่อลูกก็ต้องได้พบกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการสอนให้ลูกได้เรียนรู้พฤติกรรมของความรับผิดชอบต่อหน้าที่และบทบาทของความเป็นพ่อแม่ด้วย
สี่ ต้องไม่ลืมว่าอารมณ์และพฤติกรรมของแม่ส่งผลโดยตรงต่อลูก ฉะนั้นต้องปรับอารมณ์และพฤติกรรมของตนเองให้ได้ก่อน บางคราทุกข์ระทม บางคราเศร้า บางคราเครียด ก็ค่อยๆ คลี่คลายสถานการณ์ เพราะมีโอกาสอย่างมากที่อาจนำอารมณ์ที่ปะทุอยู่สาดลงไปที่ลูก
ห้า ต้องเชื่อว่าสามารถจัดการชีวิตด้วยตัวเองได้ แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคมากมาย แต่อย่าคิดว่าอยู่เพียงลำพัง ยังมีคนรอบข้างที่รักคุณมากมายพร้อมจะช่วยเหลือและเป็นกำลังใจที่ดีให้เสมอ รวมถึงลูกของคุณเองด้วย
หก ต้องคุยกับอดีตสามีหรือพ่อของลูกตรงไปตรงมาว่าจะวางแผนเรื่องลูกอย่างไร อย่าคิดว่าฉันเข้มแข็งฉันสามารถหาเลี้ยงลูกได้ เพราะเรื่องลูกเป็นเรื่องของทั้งพ่อและแม่ที่มีส่วนให้กำเนิดชีวิตเขา การให้ฝ่ายพ่อรับผิดชอบร่วมเป็นเรื่องที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แต่ที่ผ่านมาผู้หญิงบ้านเรามักจะไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะชอบบอกว่าลูกของฉันสามารถเลี้ยงดูได้ แต่แท้ที่จริงแล้วการที่ผู้หญิงคิดเช่นนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
เจ็ด ต้องพยายามหากิจกรรมร่วมกับลูกบ่อยครั้ง อาจจะชวนชวนญาติพี่น้องมาทำกิจกรรมร่วมกันด้วยก็ได้ ถ้าเป็นลูกชายก็อาจชวนญาติผู้ชายมาร่วมทำกิจกรรมเพื่อให้ลูกได้ซึมซับบทบาทของความเป็นผู้ชาย หรือถ้าพ่อต้องการมารับลูกไปทำกิจกรรม ก็ไม่ควรกีดกัน แต่ควรส่งเสริมให้ลูกได้มีโอกาสอยู่กับพ่อด้วย จะทำให้ลูกเข้าใจชีวิตมากขึ้น ที่สำคัญเข้าใจแม่ด้วย
แปด ต้องมีสังคม ปัจจุบันมีกลุ่มครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเกิดขึ้นมากมาย ที่พร้อมจะช่วยเหลือและรับฟังปัญหาซึ่งกันและกัน ที่สำคัญยังมีการแบ่งปันประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกระหว่างกันด้วย ซึ่งจะสร้างความมั่นใจมากขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ได้โดดเดี่ยว หรือเผชิญปัญหาแต่เพียงลำพัง
เชื่อเถอะค่ะ…ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ขอให้เชื่อในสัญชาตญาณความเป็นแม่ ความรักที่มีต่อลูกจะสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาทำอะไรได้ตั้งมากมาย อย่างที่ตัวคุณเองก็คาดไม่ถึง…!!!!
No comments:
Post a Comment