Hi quest ,  welcome  |  sign in  |  registered now  |  need help ?
Hi, guest ! welcome to BREAK NEWS ONLINE. | About Us | Contact | Register | Sign In

นายกฯ ตาย ดาราท้อง นองเลือด สึนามิฆ่าไทย โหรดังเสนอกฎหมาย วิสามัญ หมอดูเทียม

Written By 092505589 on Friday, July 8, 2011 | 12:18 AM

[postlink]http://breaknewsonline.blogspot.com/2011/07/blog-post_2285.html[/postlink]

3692 300x180 นายกฯ ตาย ดาราท้อง นองเลือด สึนามิฆ่าไทย โหรดังเสนอกฎหมาย วิสามัญ หมอดูเทียม


กลายเป็นที่ถกเถียงกันยกใหญ่อีกครั้ง เมื่อสังคมกระต่ายตื่นตูม แต่กลับลืมง่าย ออกมาตั้งคำถามกับเรื่องคำทำนายจากบรรดาหมอดูหน้าเก่า-ใหม่ ใช้ความแรงของคำทำนายเป็นจุดขาย เพราะมันดึงดูดความสนใจจากสื่อและนักเล่าข่าวนำไปขยายต่อสร้างภาพสยดสยองให้กับคำทำนายชิ้นนั้น ตั้งแต่เรื่องเล็ก เช่น ทายว่าเมืองไทยจะมีหิมะตกทายเรื่องดาราดังท้องทั้งที่ยังไม่มีสามี ทายว่าดารามีดวงตาย (ปรียานุช ปานประดับ, เป้ อารักษ์ ก็เคยโดนทายว่าจะต้องตาย)


ไปจนถึงเรื่องหนักระดับฟังแล้วตื่นตระหนกและสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ เช่น นายกฯ มีดวงตาย เรื่องรัฐประหาร เรื่องแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ จมบาดาล เรื่องเขื่อนแตก โดยเฉพาะหมอญาณทิพย์ทายว่าปลายปี 2553 สึนามิจะถล่มไทย จนนักท่องเที่ยวหวาดกลัวและงดเที่ยว สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจมากมาย จนกลุ่มผู้ทำธุรกิจภาคใต้ก็ออกมาลงขันฟ้องร้องโหร “ญาณทิพย์” คนดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ


กรณีของโหรญาณทิพย์นี้ หลายคนเอามาเทียบเคียงกับคำทำนายอันดุเดือนล่าสุดของโหรฉายานอสตราดามุสที่เพิ่งทำนายซ้ำหลังเกิดสึนามิถล่มญี่ปุ่นว่าในเดือนพฤษภาคมจะเกิดสึนามิครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมามีอานุภาพทำลายสิ่งที่กีดขวางมีคลื่นระดับสูงเสียดฟ้ายาวเหยียดสาดซัดตลอดแนวชายฝั่งอันดามัน เข้าแผ่นดินพัดบ้านเรือนและตึกสูงถล่ม และล่าสุดก็มีผู้เชี่ยวชาญทั้งวิทยาศาสตร์และโหรศาสตร์มากมายมายืนยันว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นเหตุการณ์รุนแรงดังคำทำนายดังกล่าว… 


ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เมื่อโหรยุคนี้มักเน้นการตลาดทายแรงสร้างความแตกต่างสร้างมูลค่าให้กับ (สำนักและคำทำนาย) ตัวเองมากมาย แต่เมื่อเวลาพิสูจน์ว่าเป็นคำทำนายผิดๆ กลับไม่รับผิดชอบอะไรเลย…


โหรเก่งกาจ จงใจพระ หมอดูการเมืองชื่อดัง กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า หมอดูสมัยก่อนไม่ได้มีอิสระเหมือนทุกวันนี้ ตอนพ.ศ. 2520 สมัยธานินทร์ กรัยวิเชียรเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกกฎหมายปฏิรูปรัฐธรรมนูญมา 42 ย่อหน้า มาบังคับสื่อและโหรห้ามทำนายดวงเมือง แล้วก็มายกเลิกเมื่อปี 2531 สมัยพลเอกชาติชาย 


“ยุคนั้นผมเป็นโหรประจำตัวท่านทั้งหมด 12 ปี ขอร้องให้ช่วยถอนมาตรานี้ออกจากกฎหมายในรัฐธรรมนูญ ซึ่งใช้ควบคุมหมอดูมาเกือบ 10 ปี ส่งผลให้วงการหมอดูยุคนั้นอับเฉามาก คือถ้าหมอคนไหนให้สัมภาษณ์จะต้องติดคุก พูดเรื่องการเมืองไม่ได้เลย ส่งผลให้ขณะนั้นหมอดูหนีไปทำทายเรื่องอื่นไป หรืออีกสมัยหนึ่งกรมประชาสัมพันธ์ได้ออกกฎหมายห้ามหมอดูพยากรณ์ออกอากาศทั้งวิทยุและโทรทัศน์ทุกสถานีก็ทำให้ช่วงนั้นพวกเราตกงานกันเป็นทิวแถว กระทั่งสมัย “บิ๊กจ๊อด” (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์) ทำรัฐประหาร ตนก็เข้าไปขอร้องให้ปลดล็อกกฎหมายปิดปากเพื่อให้อิสระกับหมอดูจากพันธการนี้ด้วย”


ดังนั้น ถ้าหากจะเทียบกันระหว่างความอิสระของโหรสมัยก่อนกับโหรสมัยนี้ เก่งกาจ บอกว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว


“สมัยนี้ใครอยากดังก็ทายเรื่องแรงๆ ออกไป ไม่เกิดก็ช่างมัน โหรยุคนี้ใครนึกอยากจะทำนายดวงเมืองก็ทำกันง่ายๆ ไม่มีกฎหมายควบคุม อย่าง สายฮอตไลน์ดูดวงทางโทรศัพท์ 1900 ก็ดูกันไปเรื่อย แม้แต่คนทรงทั่วไปก็ยังทำนายดวงเมืองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมไทย และสังคมโหรในสายตาคนทั่วไปเลวร้ายมากๆ” 


โดยเฉพาะกรณี โหรที่อ้างว่านั่งทางใน หรือโหรที่ต้องการชื่อเสียงทำนายรุนแรงกรณี สึนามิจะทำลายภาคใต้เมื่อปลายปีที่แล้วและจะมาเกิดสึนามิใหญ่ถล่มไทยรุนแรงอีกในเดือนพฤษภาคมนี้ 


“พวกนี้อยากดังก็ทายแต่เรื่องแรงๆ ในฐานะผมเป็นโหรมานี้ คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกกฎหมายควบคุม และระบุบทลงโทษของคนที่ทำนายแล้วทำให้บ้านเมืองเสียหาย โดยไม่รับผิดชอบ ขนาดขับรถยังต้องมีใบขับขี่ ทนายยังต้องสอบตั๋วทนายทุกอย่างจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ต้องสอบว่าคุณเป็นได้จริงหรือเปล่า และจะต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจน ตอนนี้โหรทั้งประเทศมีอยู่ 200,000 กว่าคน จากเป็นข้อมูลที่ศูนย์กสิกรสำรวจไว้เมื่อปีที่แล้ว ผมเสนอว่าอยากจะให้โหรต้องมีใบประกอบวิชาชีพ เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตคนคุณไปแนะนำเขาให้ทำอย่างโน่นอย่างนี้ยุ่งไปหมดอีกทั้งไม่มีจรรยาบรรณด้วย”


หมอดูชื่อดัง ยกตัวอย่างในวงการบันเทิงกรณีนักร้องสาวค่ายอาร์เอส หมอดูไปทายได้ยังไงว่าท้อง ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือเรื่องสึนามิก็หนักเข้าไปใหญ่ ทำให้เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีกฎหมายออกมาควบคุม จริงๆ เรื่องนี้เจ้าภาพที่น่าจะเข้ามาจัดการอาจจะเป็นกระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์ก็ได้ เรียกประชุมทุกสมาคมโหรแล้วก็ร่างหลักสูตรมา ส่วนตำรามีอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้มารับหลักการให้เป็นสากลอีกหน่อย 


“ถ้ามีคนร้องเรียนมาต้องถอนใบอนุญาตก่อน เพราะไม่ใช่ใครจะมาดูก็ได้ อย่างน้อยพื้นฐานควรจะต้องจบ ม.6 ก่อน จะได้ไม่ต้องมาพูดมั่วๆ ส่วนโหรที่เรียกค่าดูเป็นหมื่นๆ ก็แล้วแต่ความพอใจของเขาแต่ถ้ามีคนร้องเรียนเมื่อไหร่ก็ถอนชื่อเลย หรือจะฟ้องไปยังสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคก็ได้ รวมถึงรัฐเองก็ควรที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยจัดระเบียบเรื่องนี้เสียที นำหลายๆ องค์กรที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นกรรมการ เช่น สถาบันโหร นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ จิตแพทย์ ตำรวจ ฯลฯ มาช่วยกันร่างเหมือนกับการคัดสรร กสทช. ใช้หลักการเดียวกันไปเลย 


ทั้งนี้ หมอดูการเมืองชื่อดัง ย้ำทิ้งทายด้วยว่า การทำเป็นระบบเช่นนี้จะสามารถกำจัดโหรนอกรีต ซึ่งวันนี้มีเยอะมากๆ ให้สิ้นซากได้ด้วย จริงๆ ตนต้องโทษสื่อฯ ส่วนหนึ่งที่ชอบไปสัมภาษณ์หมอพวกนี้ คือใครพูดแรงก็เอาหมด ถามว่าเวลาทำนายผิดสื่อไม่เห็นเคยเล่นงานสักที รวมถึงทำให้หมอดีๆ ต้องเสียหายและได้รับผลกระทบไปด้วย


ขณะเดียวกัน นายภิญโญ พงษ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า ถ้ามีการควบคุมดูแลโดยการให้อำนาจโหรดูแลกันเองจะยิ่งดี และให้มีกฎหมายรองรับ การออกใบอนุญาต บทลงโทษ เหมือนกับกฎหมายของทนาย แพทย์ หรือวิชาชีพอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการดีและถือเป็นการพัฒนาคุณภาพของวงการโหราศาสตร์ไปด้วย เพราะการจะมาเป็นโหรไม่ใช่ว่าจะง่ายมันต้องผ่านกระบวนการ  ผ่านโรงเรียนขัดเกลาวิชาชีพ  คุณธรรม  และจรรยาบรรณ  


“ปัจจุบันมีโหรนอกรีตจำนวนมาก มีส่วนทำให้ภาพรวมของโหรเสียไปด้วย ถ้าเป็นนักโหราศาสตร์ต้องมีความรู้ทางด้านนี้โดยเฉพาะแต่วิชาที่พวกโหรนอกรีตใช้มันไม่ใช่โหราศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้ ต้องแยกให้ถูกระหว่างโหราศาสตร์กับไสยศาสตร์เพราะมันคนละเรื่อง   แต่พอพวกไสยศาสตร์ออกมาพยากรณ์คนก็มักจะคิดว่าเป็นโหราศาสตร์”


สุดท้าย นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ  ให้ความรู้เกี่ยวกับโหรว่า นักโหราศาสตร์เป็นวิชาเกี่ยวกับเวลา  ทำนายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในห้วงเวลาต่างๆ โดยใช้ดวงดาวเป็นตัวบอกเพราะดวงดาวทำให้เกิดเวลาบนโลกหรือในพื้นที่ต่างๆ ถ้าดูในพจนานุกรม โหร คือ ผู้เชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์  (ศาสตร์เกี่ยวกับดวงดาว) และต้องใช้ดวงดาวเป็นหลักในการทำนาย ปัจจุบันชมรมของโหรไทยยังมีไม่มากสมาคมโหรก็มีแค่ไม่กี่สมาคมหลักๆ มีแค่ 3 สมาคม คือ สมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ สมาคมโหรแห่งประเทศไทย และสมาคมสหพันธ์โหร


“อย่างพวกไพ่ยิปซี นี่ก็ไม่ใช่โหราศาสตร์ สแกนกรรมก็ไม่ใช่ อยู่คนละแขนงกัน คนเราดันไปเรียกเขาว่าโหรเอง แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ ปัจจุบันนี้ใครที่จะเป็นนึกเอาก็ได้ เขาเรียกว่าโหรนอกรีต แต่ก็อยากจะให้มาคุยกันเรื่องจากมีกฎหมายหมิ่นประมาทอยู่แล้ว ถึงทางออกเพราะอย่างที่บอกโหรทายมั่วเอาดังมีมากมายจริงๆ” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ  กล่าวสรุป


คู่มือจรรยาบรรณโหรในสมัยก่อน กล่าวคือ โหรจะอยู่ในพระราชวังนั้นต้องได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์  มีหน้าที่พยากรณ์ดวงเมือง  ซึ่งต้องเรียนวิชาการคำนวณดวงดาว  แต่สมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณได้   ถ้าใครจะเป็นโหรจะต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง 1. ต้องรู้เรื่องดาราศาสตร์ 2.ต้องรู้เรื่องการพยากรณ์  3. รู้เรื่องวิธีแก้ไขปัญหาโดยดวงดาว ซึ่งคำพยากรณ์ต่างๆ จะต้องมีที่มาและมีเหตุมีผล


อย่างไรก็ดี สำหรับ ประเภทของโหราศาสตร์นั้น แบ่งเป็นหลายสาขา  ดังนี้ 1. โหราศาสตร์การเกษตรที่ว่าด้วยการเพาะปลูก 2. โหราศาสตร์อุตุนิยมสำหรับดูสภาพดินฟ้าอากาศ รวมถึงการดูอากัปกิริยาของสัตว์ที่บ่งบอกเหตุล่วงหน้าของธรรมชาติได้อย่างแม่นยำ 3.  โหราศาสตร์ชะตาเมือง 4. โหราศาสตร์การคลัง 5. โหราศาสตร์การแพทย์
6. โหราศาสตร์กาลชะตา 7. โหราศาสตร์การให้ฤกษ์ 8. พิธีกรรมของโหร 9. และโหราศาสตร์ปลีกย่อยอีกหลายประเภท


นักโหราศาสตร์กำหนดมาเพื่อช่วยเหลือสังคม จรรโลงสังคม ให้สังคมอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข  ในภาคนิพนธ์ของอาจารย์ภิญโญ เรื่อง บทบาทของโหรในสังคมไทย ได้ยกคำของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ที่กล่าวถึงจรรยาโหรไว้ว่า “อนึ่งการที่จะบำเพ็ญตนเป็นโหรที่ดีได้นั้น จำเป็นต้องยึดมั่นอยู่ในจรรยาโหร เพราะโหรก็จัดว่าอยู่ในตระกูลของหมอแพทย์จำนวนหนึ่ง หมอที่ดีต้องมีจรรยาแพทย์ประจำใจฉันใด โหรที่ดีก็ต้องมีจรรยาโหรประจำใจฉันนั้น หากโหรนำหลักวิชาไปใช้โดยขาดจรรยาโหร จะสร้างมหันตภัยให้แก่ผู้ที่เชื่อถืออย่างมากมาย.


ขอบคุณ


ไทยรัฐ

3692 300x180 นายกฯ ตาย ดาราท้อง นองเลือด สึนามิฆ่าไทย โหรดังเสนอกฎหมาย วิสามัญ หมอดูเทียม


กลายเป็นที่ถกเถียงกันยกใหญ่อีกครั้ง เมื่อสังคมกระต่ายตื่นตูม แต่กลับลืมง่าย ออกมาตั้งคำถามกับเรื่องคำทำนายจากบรรดาหมอดูหน้าเก่า-ใหม่ ใช้ความแรงของคำทำนายเป็นจุดขาย เพราะมันดึงดูดความสนใจจากสื่อและนักเล่าข่าวนำไปขยายต่อสร้างภาพสยดสยองให้กับคำทำนายชิ้นนั้น ตั้งแต่เรื่องเล็ก เช่น ทายว่าเมืองไทยจะมีหิมะตกทายเรื่องดาราดังท้องทั้งที่ยังไม่มีสามี ทายว่าดารามีดวงตาย (ปรียานุช ปานประดับ, เป้ อารักษ์ ก็เคยโดนทายว่าจะต้องตาย)


ไปจนถึงเรื่องหนักระดับฟังแล้วตื่นตระหนกและสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ เช่น นายกฯ มีดวงตาย เรื่องรัฐประหาร เรื่องแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ จมบาดาล เรื่องเขื่อนแตก โดยเฉพาะหมอญาณทิพย์ทายว่าปลายปี 2553 สึนามิจะถล่มไทย จนนักท่องเที่ยวหวาดกลัวและงดเที่ยว สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจมากมาย จนกลุ่มผู้ทำธุรกิจภาคใต้ก็ออกมาลงขันฟ้องร้องโหร “ญาณทิพย์” คนดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ


กรณีของโหรญาณทิพย์นี้ หลายคนเอามาเทียบเคียงกับคำทำนายอันดุเดือนล่าสุดของโหรฉายานอสตราดามุสที่เพิ่งทำนายซ้ำหลังเกิดสึนามิถล่มญี่ปุ่นว่าในเดือนพฤษภาคมจะเกิดสึนามิครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมามีอานุภาพทำลายสิ่งที่กีดขวางมีคลื่นระดับสูงเสียดฟ้ายาวเหยียดสาดซัดตลอดแนวชายฝั่งอันดามัน เข้าแผ่นดินพัดบ้านเรือนและตึกสูงถล่ม และล่าสุดก็มีผู้เชี่ยวชาญทั้งวิทยาศาสตร์และโหรศาสตร์มากมายมายืนยันว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นเหตุการณ์รุนแรงดังคำทำนายดังกล่าว… 


ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เมื่อโหรยุคนี้มักเน้นการตลาดทายแรงสร้างความแตกต่างสร้างมูลค่าให้กับ (สำนักและคำทำนาย) ตัวเองมากมาย แต่เมื่อเวลาพิสูจน์ว่าเป็นคำทำนายผิดๆ กลับไม่รับผิดชอบอะไรเลย…


โหรเก่งกาจ จงใจพระ หมอดูการเมืองชื่อดัง กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า หมอดูสมัยก่อนไม่ได้มีอิสระเหมือนทุกวันนี้ ตอนพ.ศ. 2520 สมัยธานินทร์ กรัยวิเชียรเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ออกกฎหมายปฏิรูปรัฐธรรมนูญมา 42 ย่อหน้า มาบังคับสื่อและโหรห้ามทำนายดวงเมือง แล้วก็มายกเลิกเมื่อปี 2531 สมัยพลเอกชาติชาย 


“ยุคนั้นผมเป็นโหรประจำตัวท่านทั้งหมด 12 ปี ขอร้องให้ช่วยถอนมาตรานี้ออกจากกฎหมายในรัฐธรรมนูญ ซึ่งใช้ควบคุมหมอดูมาเกือบ 10 ปี ส่งผลให้วงการหมอดูยุคนั้นอับเฉามาก คือถ้าหมอคนไหนให้สัมภาษณ์จะต้องติดคุก พูดเรื่องการเมืองไม่ได้เลย ส่งผลให้ขณะนั้นหมอดูหนีไปทำทายเรื่องอื่นไป หรืออีกสมัยหนึ่งกรมประชาสัมพันธ์ได้ออกกฎหมายห้ามหมอดูพยากรณ์ออกอากาศทั้งวิทยุและโทรทัศน์ทุกสถานีก็ทำให้ช่วงนั้นพวกเราตกงานกันเป็นทิวแถว กระทั่งสมัย “บิ๊กจ๊อด” (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์) ทำรัฐประหาร ตนก็เข้าไปขอร้องให้ปลดล็อกกฎหมายปิดปากเพื่อให้อิสระกับหมอดูจากพันธการนี้ด้วย”


ดังนั้น ถ้าหากจะเทียบกันระหว่างความอิสระของโหรสมัยก่อนกับโหรสมัยนี้ เก่งกาจ บอกว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว


“สมัยนี้ใครอยากดังก็ทายเรื่องแรงๆ ออกไป ไม่เกิดก็ช่างมัน โหรยุคนี้ใครนึกอยากจะทำนายดวงเมืองก็ทำกันง่ายๆ ไม่มีกฎหมายควบคุม อย่าง สายฮอตไลน์ดูดวงทางโทรศัพท์ 1900 ก็ดูกันไปเรื่อย แม้แต่คนทรงทั่วไปก็ยังทำนายดวงเมืองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมไทย และสังคมโหรในสายตาคนทั่วไปเลวร้ายมากๆ” 


โดยเฉพาะกรณี โหรที่อ้างว่านั่งทางใน หรือโหรที่ต้องการชื่อเสียงทำนายรุนแรงกรณี สึนามิจะทำลายภาคใต้เมื่อปลายปีที่แล้วและจะมาเกิดสึนามิใหญ่ถล่มไทยรุนแรงอีกในเดือนพฤษภาคมนี้ 


“พวกนี้อยากดังก็ทายแต่เรื่องแรงๆ ในฐานะผมเป็นโหรมานี้ คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกกฎหมายควบคุม และระบุบทลงโทษของคนที่ทำนายแล้วทำให้บ้านเมืองเสียหาย โดยไม่รับผิดชอบ ขนาดขับรถยังต้องมีใบขับขี่ ทนายยังต้องสอบตั๋วทนายทุกอย่างจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ต้องสอบว่าคุณเป็นได้จริงหรือเปล่า และจะต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจน ตอนนี้โหรทั้งประเทศมีอยู่ 200,000 กว่าคน จากเป็นข้อมูลที่ศูนย์กสิกรสำรวจไว้เมื่อปีที่แล้ว ผมเสนอว่าอยากจะให้โหรต้องมีใบประกอบวิชาชีพ เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตคนคุณไปแนะนำเขาให้ทำอย่างโน่นอย่างนี้ยุ่งไปหมดอีกทั้งไม่มีจรรยาบรรณด้วย”


หมอดูชื่อดัง ยกตัวอย่างในวงการบันเทิงกรณีนักร้องสาวค่ายอาร์เอส หมอดูไปทายได้ยังไงว่าท้อง ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือเรื่องสึนามิก็หนักเข้าไปใหญ่ ทำให้เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีกฎหมายออกมาควบคุม จริงๆ เรื่องนี้เจ้าภาพที่น่าจะเข้ามาจัดการอาจจะเป็นกระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์ก็ได้ เรียกประชุมทุกสมาคมโหรแล้วก็ร่างหลักสูตรมา ส่วนตำรามีอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้มารับหลักการให้เป็นสากลอีกหน่อย 


“ถ้ามีคนร้องเรียนมาต้องถอนใบอนุญาตก่อน เพราะไม่ใช่ใครจะมาดูก็ได้ อย่างน้อยพื้นฐานควรจะต้องจบ ม.6 ก่อน จะได้ไม่ต้องมาพูดมั่วๆ ส่วนโหรที่เรียกค่าดูเป็นหมื่นๆ ก็แล้วแต่ความพอใจของเขาแต่ถ้ามีคนร้องเรียนเมื่อไหร่ก็ถอนชื่อเลย หรือจะฟ้องไปยังสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคก็ได้ รวมถึงรัฐเองก็ควรที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยจัดระเบียบเรื่องนี้เสียที นำหลายๆ องค์กรที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นกรรมการ เช่น สถาบันโหร นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ จิตแพทย์ ตำรวจ ฯลฯ มาช่วยกันร่างเหมือนกับการคัดสรร กสทช. ใช้หลักการเดียวกันไปเลย 


ทั้งนี้ หมอดูการเมืองชื่อดัง ย้ำทิ้งทายด้วยว่า การทำเป็นระบบเช่นนี้จะสามารถกำจัดโหรนอกรีต ซึ่งวันนี้มีเยอะมากๆ ให้สิ้นซากได้ด้วย จริงๆ ตนต้องโทษสื่อฯ ส่วนหนึ่งที่ชอบไปสัมภาษณ์หมอพวกนี้ คือใครพูดแรงก็เอาหมด ถามว่าเวลาทำนายผิดสื่อไม่เห็นเคยเล่นงานสักที รวมถึงทำให้หมอดีๆ ต้องเสียหายและได้รับผลกระทบไปด้วย


ขณะเดียวกัน นายภิญโญ พงษ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า ถ้ามีการควบคุมดูแลโดยการให้อำนาจโหรดูแลกันเองจะยิ่งดี และให้มีกฎหมายรองรับ การออกใบอนุญาต บทลงโทษ เหมือนกับกฎหมายของทนาย แพทย์ หรือวิชาชีพอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการดีและถือเป็นการพัฒนาคุณภาพของวงการโหราศาสตร์ไปด้วย เพราะการจะมาเป็นโหรไม่ใช่ว่าจะง่ายมันต้องผ่านกระบวนการ  ผ่านโรงเรียนขัดเกลาวิชาชีพ  คุณธรรม  และจรรยาบรรณ  


“ปัจจุบันมีโหรนอกรีตจำนวนมาก มีส่วนทำให้ภาพรวมของโหรเสียไปด้วย ถ้าเป็นนักโหราศาสตร์ต้องมีความรู้ทางด้านนี้โดยเฉพาะแต่วิชาที่พวกโหรนอกรีตใช้มันไม่ใช่โหราศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้ ต้องแยกให้ถูกระหว่างโหราศาสตร์กับไสยศาสตร์เพราะมันคนละเรื่อง   แต่พอพวกไสยศาสตร์ออกมาพยากรณ์คนก็มักจะคิดว่าเป็นโหราศาสตร์”


สุดท้าย นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ  ให้ความรู้เกี่ยวกับโหรว่า นักโหราศาสตร์เป็นวิชาเกี่ยวกับเวลา  ทำนายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในห้วงเวลาต่างๆ โดยใช้ดวงดาวเป็นตัวบอกเพราะดวงดาวทำให้เกิดเวลาบนโลกหรือในพื้นที่ต่างๆ ถ้าดูในพจนานุกรม โหร คือ ผู้เชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์  (ศาสตร์เกี่ยวกับดวงดาว) และต้องใช้ดวงดาวเป็นหลักในการทำนาย ปัจจุบันชมรมของโหรไทยยังมีไม่มากสมาคมโหรก็มีแค่ไม่กี่สมาคมหลักๆ มีแค่ 3 สมาคม คือ สมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ สมาคมโหรแห่งประเทศไทย และสมาคมสหพันธ์โหร


“อย่างพวกไพ่ยิปซี นี่ก็ไม่ใช่โหราศาสตร์ สแกนกรรมก็ไม่ใช่ อยู่คนละแขนงกัน คนเราดันไปเรียกเขาว่าโหรเอง แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ ปัจจุบันนี้ใครที่จะเป็นนึกเอาก็ได้ เขาเรียกว่าโหรนอกรีต แต่ก็อยากจะให้มาคุยกันเรื่องจากมีกฎหมายหมิ่นประมาทอยู่แล้ว ถึงทางออกเพราะอย่างที่บอกโหรทายมั่วเอาดังมีมากมายจริงๆ” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ  กล่าวสรุป


คู่มือจรรยาบรรณโหรในสมัยก่อน กล่าวคือ โหรจะอยู่ในพระราชวังนั้นต้องได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์  มีหน้าที่พยากรณ์ดวงเมือง  ซึ่งต้องเรียนวิชาการคำนวณดวงดาว  แต่สมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณได้   ถ้าใครจะเป็นโหรจะต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง 1. ต้องรู้เรื่องดาราศาสตร์ 2.ต้องรู้เรื่องการพยากรณ์  3. รู้เรื่องวิธีแก้ไขปัญหาโดยดวงดาว ซึ่งคำพยากรณ์ต่างๆ จะต้องมีที่มาและมีเหตุมีผล


อย่างไรก็ดี สำหรับ ประเภทของโหราศาสตร์นั้น แบ่งเป็นหลายสาขา  ดังนี้ 1. โหราศาสตร์การเกษตรที่ว่าด้วยการเพาะปลูก 2. โหราศาสตร์อุตุนิยมสำหรับดูสภาพดินฟ้าอากาศ รวมถึงการดูอากัปกิริยาของสัตว์ที่บ่งบอกเหตุล่วงหน้าของธรรมชาติได้อย่างแม่นยำ 3.  โหราศาสตร์ชะตาเมือง 4. โหราศาสตร์การคลัง 5. โหราศาสตร์การแพทย์
6. โหราศาสตร์กาลชะตา 7. โหราศาสตร์การให้ฤกษ์ 8. พิธีกรรมของโหร 9. และโหราศาสตร์ปลีกย่อยอีกหลายประเภท


นักโหราศาสตร์กำหนดมาเพื่อช่วยเหลือสังคม จรรโลงสังคม ให้สังคมอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข  ในภาคนิพนธ์ของอาจารย์ภิญโญ เรื่อง บทบาทของโหรในสังคมไทย ได้ยกคำของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ที่กล่าวถึงจรรยาโหรไว้ว่า “อนึ่งการที่จะบำเพ็ญตนเป็นโหรที่ดีได้นั้น จำเป็นต้องยึดมั่นอยู่ในจรรยาโหร เพราะโหรก็จัดว่าอยู่ในตระกูลของหมอแพทย์จำนวนหนึ่ง หมอที่ดีต้องมีจรรยาแพทย์ประจำใจฉันใด โหรที่ดีก็ต้องมีจรรยาโหรประจำใจฉันนั้น หากโหรนำหลักวิชาไปใช้โดยขาดจรรยาโหร จะสร้างมหันตภัยให้แก่ผู้ที่เชื่อถืออย่างมากมาย.


ขอบคุณ


ไทยรัฐ

No comments:

Post a Comment